บัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ มิตรมีอุปการะ ๑ มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๑ มิตรแนะประโยชน์ ๑ มิตรมีความรักใคร่ ๑ ว่าเป็นมิตรแท้ ฉะนี้แล้ว พึงเข้าไปนั่งใกล้โดยเคารพเหมือนมารดากับบุตร ฉะนั้น
คนเทียมมิตร
คน ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ คนนำสิ่งของของเพื่อนไปถ่ายเดียว (คนปอกลอก) ๑ คนดีแต่พูด ๑ คนหัวประจบ ๑ คนชักชวนในทางฉิบหาย ๑ พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร
๑. คนปอกลอก คนปอกลอก พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ คือ
๑.๑ เป็นคนคิดเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว
๑.๒ เสียให้น้อย คิดเอาให้ได้มาก
๑.๓ ไม่รับทำกิจของเพื่อนในคราวมีภัย
๑.๔ คบเพื่อนเพราะเห็นแก่ประโยชน์ของตัว คนปอกลอก พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตร โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล
๒. คนดีแต่พูด คนดีแต่พูด พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ คือ
๒.๑ เก็บเอาของล่วงแล้วมาปราศรัย
๒.๒ อ้างเอาของที่ยังไม่มาถึงมาปราศรัย
๒.๓ สงเคราะห์ด้วยสิ่งหาประโยชน์มิได้
๒.๔ เมื่อกิจเกิดขึ้น แสดงความขัดข้อง ออกปากพึ่งมิได้ คนดีแต่พูด พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ เหล่านี้แล๓. คนหัวประจบ คนหัวประจบ พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ คือ
๓.๑ ตามใจเพื่อนให้ทำความชั่ว (จะทำชั่วก็คล้อยตาม)
๓.๒ ตามใจเพื่อนให้ทำความดี (จะทำดีก็คล้อยตาม)
๓.๓ ต่อหน้าสรรเสริญ
๓.๔ ลับหลังนินทา คนหัวประจบ พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ เหล่านี้แล๔. คนชักชวนในทางฉิบหาย คนชักชวนในทางฉิบหาย พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ คือ
๔.๑ ชักชวนให้ดื่มน้ำเมา คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๔.๒ ชักชวนให้เที่ยวตามตรอกต่าง ๆ ในเวลากลางคืน
๔.๓ ชักชวนให้เที่ยวดูการมหรสพ
๔.๔ ชักชวนให้เล่นการพนันอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท คนชักชวนในทางฉิบหาย พึงทราบว่าไม่ใช่มิตร เป็นแต่คนเทียมมิตรโดยสถาน ๔ เหล่านี้แล
ข้อคิดเตือนใจบัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ มิตรปอกลอก ๑ มิตรดีแต่พูด ๑ มิตรหัวประจบ ๑ มิตรชักชวนในทางฉิบหาย ๑ ว่าไม่ใช่มิตรแท้ ดังนี้แล้ว พึง เว้นเสียให้ห่างไกล เหมือนคนเดินทางเว้นทางที่มีภัย ฉะนั้น
มิตรมีใจดี มิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ มิตรมีอุปการะ ๑ มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๑ มิตรแนะประโยชน์ ๑ มิตรมีความรักใคร่ ๑ พึงทราบว่าเป็นมิตรมีใจดี (เป็นมิตรแท้)
๑. มิตรมีอุปการะ มิตรมีอุปการะ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ
๑.๑ รักษาเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๑.๒ รักษาทรัพย์สมบัติของเพื่อนผู้ประมาทแล้ว
๑.๓ เมื่อมีภัย เป็นที่พึ่งพำนักได้
๑.๔ เมื่อกิจที่จำต้องทำเกิดขึ้น เพิ่มทรัพย์ให้สองเท่า (เมื่อมีธุระ ช่วยออกทรัพย์ให้เกินกว่าที่ ออกปาก) มิตรมีอุปการะ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล๒. มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ
๒.๑ บอกความลับของตนแก่เพื่อน
๒.๒ ปิดความลับของเพื่อน
๒.๓ ไม่ละทิ้งในเหตุอันตราย
๒.๔ แม้ชีวิตก็อาจสละเพื่อประโยชน์แก่เพื่อนได้ มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล๓. มิตรแนะประโยชน์ มิตรแนะประโยชน์ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ
๓.๑ ห้ามจากความชั่ว
๓.๒ ให้ตั้งอยู่ในความดี
๓.๓ ให้ได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง
๓.๔ บอกทางสวรรค์ให้ มิตรแนะประโยชน์ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล๔. มิตรมีความรักใคร่ มิตรมีความรักใคร่ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ คือ
๔.๑ ไม่ยินดีด้วยความเสื่อมของเพื่อน
๔.๒ ยินดีด้วยความเจริญของเพื่อน
๔.๓ ห้ามคนที่กล่าวโทษเพื่อน
๔.๔ สรรเสริญคนที่สรรเสริญเพื่อน มิตรมีความรักใคร่ พึงทราบว่าเป็นมิตรแท้โดยสถาน ๔ เหล่านี้แล
ข้อคิดเตือนใจ บัณฑิตรู้แจ้งมิตร ๔ จำพวกเหล่านี้ คือ มิตรมีอุปการะ ๑ มิตรร่วมสุขร่วมทุกข์ ๑ มิตรแนะประโยชน์ ๑ มิตรมีความรักใคร่ ๑ ว่าเป็นมิตรแท้ ฉะนี้แล้ว พึงเข้าไปนั่งใกล้โดยเคารพเหมือนมารดากับบุตร ฉะนั้น
***
อ้างอิง : พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค
เปิดให้บริการเว็บไซต์นับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2547