http://www.duangden.com
พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะตุลาการศาลปกครองฯ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายเสื้อครุยตุลาการฯ ในวโรกาสฉลองสิริราชสมบัติ ๖๐ ปี
 
 


***

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2550 เวลา 16.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตฯ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด พร้อมด้วยคณะตุลาการศาลปกครอง และข้าราชการฝ่ายศาลปกครอง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเสื้อครุยตุลาการศาลปกครอง เนื่องในโอกาสการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ในการนี้ได้มีพระบรมราโชวาทแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทด้วย

“ขอขอบใจที่ท่านมาเอาครุยของผู้พิพากษาของศาลปกครองมาให้ ซึ่งนับว่าท่านได้ให้ความเดือดร้อนเพิ่มเติมแก่ข้าพเจ้าอีกครั้ง เพราะว่าผู้เป็นผู้พิพากษาศาลปกครองก็มีอำนาจที่จะปฏิบัติในกฎเกณฑ์ของศาลเฉพาะ คือ ศาลปกครอง และในรัฐธรรมนูญฉบับที่ท่านกล่าวถึง คือ รัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งได้ตั้งศาลปกครองและศาลอื่นๆ หลายศาล ซึ่งแต่ก่อนนี้มีเพียงศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลสูงสุด แต่เดี๋ยวนี้ศาลอื่นๆ ก็เป็นศาลสูงสุดทั้งนั้น และถ้าปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของศาล โดยเฉพาะอย่างศาลปกครองซึ่งเป็นศาลสูงสุดอย่างหนึ่ง ก็ต้องถือว่าเป็นศาลสูงสุดอย่างหนึ่ง ซึ่งท่านก็มีอำนาจตามที่กำหนดไว้สำหรับศาลปกครอง

เดี๋ยวนี้ เวลานี้ อีกไม่กี่วันจะมีการตัดสินเกี่ยวข้องกับศาลอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่ศาลปกครอง กล่าวคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ที่ว่าโดยเรื่องของอำนาจ หรือของการที่จะเป็นการเมือง ท่านก็พูดไม่ได้เพราะท่านไม่เกี่ยว แต่ว่าพรรคการเมืองเกี่ยวข้องกับการปกครองโดยตรงเหมือนกัน แต่ท่านไม่มีอำนาจ ข้าพเจ้าจะพูดถึงพรรคการเมืองที่จะมีหรือไม่ ที่จะตั้งหรือไม่ตั้ง ที่จะล้มหรือไม่ล้มนั้นก็พูดไม่ได้ แต่ถึงบอกว่า เดือดร้อนที่ข้าพเจ้าได้ทราบว่าท่านเอาเสื้อครุยของศาลปกครองมาให้แต่ไม่มีอำนาจอะไรเลย แม้จะมีอำนาจ ข้าพเจ้าก็ไม่มีอำนาจอะไรเลย ตามที่จะใส่เสื้อครุยหรือไม่ใส่เสื้อครุยก็ไม่มีอำนาจ เช่นเดียวกับท่านเองก็ไม่มีอำนาจ

แต่ว่าถ้านึกถึงว่าจะมีการตัดสินเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง จะเป็นการตัดสินที่สำคัญมาก และท่านเองก็จะเดือดร้อน เพราะว่าถ้ามีพรรคการเมืองหรือไม่มีพรรคการเมืองก็ตาม ท่านเดือดร้อนเพราะว่าพรรคการเมืองต้องมี และถ้าบอกว่ามีพรรคการเมืองไม่ได้อยู่ในอำนาจของท่าน ท่านจะเดือดร้อน ข้าพเจ้าก็จะเดือดร้อนใหญ่

ฉะนั้นก็ค่อยมาต่อว่าท่านว่าทำไมท่านต้องมาวันนี้ ซึ่งไม่กี่วันจะมีปัญหาได้เกิดขึ้น แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ท่านเป็นผู้ใหญ่ เป็นตุลาการมาหลายปีแล้ว และท่านก็ต้องมีความรับผิดชอบที่จะตัดสิน ไม่ใช่ตัดสินบนบัลลังก์ แต่ตัดสินในใจว่าที่ผู้ที่เป็นศาลรัฐธรรมนูญจะได้ปฏิบัติหรือจะได้ตัดสินถูกต้องหรือไม่ ท่านเองท่านก็รับผิดชอบ และท่านมีหน้าที่ที่จะพิจารณ์ว่า เขาทำถูกหรือไม่ถูก

ข้าพเจ้าเองไม่มีสิทธิ์ใดๆ ที่จะบอกว่าถ้าเขาจะทำถูกหรือไม่ถูก แต่ในใจก็ต้องรู้ได้ว่าจะทำถูกหรือไม่ถูก ถ้าเขาทำไม่ถูกตัดสินว่าจะเป็นพรรคการเมือง จะมีอยู่หรือไม่มี ก็เดือดร้อนทั้งนั้น

ข้าพเจ้าเองก็ในใจมีคำตัดสินอยู่ แต่บอกท่านไม่ได้ เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะบอก ท่านเองก็ไม่มีสิทธิ์ แต่ท่านต้องมีการตัดสินอยู่ในใจว่าที่เขา เพื่อนของศาลรัฐธรรมนูญเขาจะตัดสินถูกหรือไม่ถูก ต้องมีอยู่ในใจ แต่ว่า เขาจะตัดสินอย่างไรก็ตาม เดือดร้อนทั้งนั้น เสียหายทั้งนั้น

คำตัดสินของเขาจะเดือดร้อน และเสียหายสำหรับท่านเองทั้งนั้น ข้าพเจ้าก็เดือดร้อน แต่ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเดือดร้อน ไม่มีสิทธิ์ที่จะบอกว่าเขาทำถูกหรือไม่ถูก แต่รู้ในใจว่า เขาจะตัดสินอย่างไรก็ตาม รู้ในใจว่าเขาทำถูกหรือผิด ส่วนใหญ่ก็นึกว่าคงต้องทำผิดแน่ เมื่อเขารู้สึกว่าถ้าเขาทำผิดเรามีหน้าที่ที่จะวิจารณ์ในใจ แต่ละท่านต้องวิจารณ์ว่า ที่เพื่อนศาลอื่นทำถูกหรือผิดต้องมี ต้องวิจารณ์ อย่างน้อยในใจของท่าน หรือนอกจากนั้นก็มีความเห็นบ้าง

เพราะถ้าหากว่าเขาตัดสินมาอย่างไร จะเสื่อมเสียกับบ้านเมืองทั้งนั้น จะตัดสินทางไหนก็ตาม ก็เป็นคำตัดสินที่จะผิด ผิดพลาดทั้งนั้น ฉะนั้นจะต้องมีการวิจารณ์ แต่ท่านวิจารณ์เป็นทางการไม่ได้ ท่านต้องวิจารณ์เป็นส่วนตัว อาจจะไม่เปล่งออกมา

วันนี้ถึงได้บอกท่านว่า ท่านเอาเสื้อครุยมาให้แล้ว เอาความเดือดร้อนมาให้ เพราะว่าเอาเสื้อครุยมาให้ก็หมายความว่า ข้าพเจ้าก็มีหน้าที่ผู้พิพากษาศาลปกครองเหมือนกัน แต่ตัดสินอะไร พิพากษาอะไรไม่ได้ ท่านเองก็ตัดสินอะไรไม่ได้เพราะว่าท่านไม่เป็นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีสิทธิ์ที่จะพิจารณาอะไร แต่โดยที่ได้ชื่อว่าเขาเป็นศาลรัฐธรรมนูญเขาก็มีสิทธิ์ยุ่งหมด

ถ้าฟังวิทยุ ท่านคงต้องฟังวิทยุทั้งวัน ทั้งคืน สองวันสองคืนนี้มีการวิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับศาล ท่านต้องคิดวิธีที่จะป้องกันตัวแทนเพื่อนผู้พิพากษาศาลต่างๆ ทั้งหมด แล้วทั้งหมด ก็บอกแล้วว่า ศาลฎีกาไม่มีสิทธิ์ ศาลฎีกาซึ่งท่านก็เคยได้ดำรงหน้าที่ศาลฎีกาบ้าง แต่ว่าท่านทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าเขาบอกศาลฎีกาไม่มีสิทธิ์ ถึงขอพูดอย่างนี้ ท่านไปตีความเอาเอง ผู้พิพากษาศาลอะไรก็ตามต้องตีความ แล้วก็ต้องตีความให้ถูก ไม่อย่างนั้นบ้านเมืองพัง

ก็เคยบอกท่านประธานว่า ครั้งก่อนที่มีเรื่องเกิดขึ้น ตอนที่ข้าพเจ้าพูดที่หัวหิน เป็นเวลาปีกว่าแล้ว ก็เป็นความรับผิดชอบที่เกิดขึ้น แล้วท่านเอาความรับผิดชอบใส่ในตัว แล้วความรับผิดชอบนั้นทำให้คนเอะอะขึ้นมาจนกระทั่งเกิดเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเรื่องราวต่างๆ ก็มีเหตุมีผล ก็มีเหตุแล้วมีผลขึ้นมายุ่งหมด อีกไม่กี่วันก็ยุ่งต่อไป

ท่านเตรียมตัวดีๆ ที่จะให้ พร้อมที่จะมีการวิจารณ์บ้างไม่ใช่ในฐานะศาล ในฐานะส่วนตัว หรือในฐานะผู้เชี่ยวชาญ ในฐานะผู้มีความรู้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้บ้านเมืองล่มจม อย่างคราวที่แล้วบอกว่า เราไม่ทำอะไร ไม่พยายามแก้ไขจะล่มจม เราก็เกือบล่มจม ตอนนี้ก็เกือบล่มจมต่อไป

ฉะนั้นท่านมีความรับผิดชอบที่จะทำให้บ้านเมืองไม่ล่มจม หรือตักเตือนประชาชนที่มีความรู้ ให้มีความรู้มากขึ้น และแม้ประชาชนที่ไม่มีความรู้ให้เกิดความรู้ขึ้นมา ว่าบ้านเมืองควรจะไปทางไหน ท่านทำได้ ท่านพูดได้ ท่านคิดได้ เพราะท่านมีความรู้

เพราะฉะนั้น ขอร้องให้ท่านพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ต่อไป เพราะว่าสถานการณ์เดี๋ยวนี้ไม่ดีเลย อย่างฟังวิทยุเขาก็พูดมีเหตุผล มีผู้ที่มีความรู้ออกวิทยุ อาจจะไม่ถูกต้องบ้างเพราะว่าเขาเป็นนักการเมืองที่พูดทางวิทยุ เราในฐานะ พูดว่าเราเพราะท่านให้ครุยแล้วก็เป็น ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนผู้พิพากษาคนหนึ่ง มีสิทธิ์แล้วก็มี มีหน้าที่ที่จะทำให้คนเข้าใจถึงหน้าที่ของประชาชน หน้าที่ของข้าราชการตุลาการ ที่จะทำเพื่อทำให้บ้านเมืองรอดพ้นจากความยุ่งยาก ยากเข็น

ก็จะขอขอบใจท่านทั้งหลายที่จะพยายามคิดทำให้บ้านเมืองไปรอดจากวิกฤตการณ์ปัจจุบันนี้ เพื่อการนี้ขอให้พรกับทุกๆ ท่านมีความสามารถ ท่านมีความสามารถแต่สามารถที่จะแสดงว่าท่านมีความสามารถ เชื่อว่าท่านทุกคนมีความสามารถ ต้องแสดงว่าท่านมีความสามารถที่จะตัดสินใจ และตัดสินใจแทนตุลาการทั้งหลาย ทั้งศาลปกครอง ศาลอื่นๆ ศาลสูงสุดบ้าง ไม่สูงสุดบ้าง ให้ตัดสินอะไร พูดอะไรให้มีความคิดที่ดี ความคิดที่สูงสุดที่สามารถที่จะแก้ปัญหาต่างๆ

การนี้ท่านต้องรักษาความซื่อตรงที่มีอยู่และขอให้ท่านแสดงว่าท่านมีความซื่อตรง ให้ทุกคน ประชาชนทั้งคนที่ไม่มีความรู้ และทั้งในทางกฎหมาย แม้คนที่ไม่มีตำแหน่งอะไรเลยแต่คนทุกคน ที่เป็นคน จงสามารถที่จะคิด เพราะว่าหวงแหนบ้านเมืองไม่อยากให้ล่มจม

ขอขอบใจท่านที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ขอให้ท่านมีกำลัง โดยเฉพาะกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่ กล้าหาญ และต้องกล้าที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อตรง เพื่อให้ส่วนรวมได้อยู่เย็น ได้อยู่เป็นสุข ขอให้ท่านปลอดภัย และโดยตรงไปตรงมา เข้าใจว่า เชื่อว่าท่านตั้งใจที่จะทำงานเพื่อความอยู่รอดของประเทศชาติ และขอให้ท่านมีกำลังใจ กำลังกายสมบูรณ์เพื่อปฏิบัติหน้าที่ได้

แล้วขอขอบใจท่านที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลปกครอง และขอให้สามารถตักเตือนคนอื่นให้ทำหน้าที่ให้ดี โดยเฉพาะทางฝ่ายตุลาการ และขอให้ท่านมีร่างกาย จิตใจ แข็งแกร่ง เพื่อให้ทำหน้าที่ด้วยความสำเร็จ เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของประเทศชาติ”

***

 
 
 
© Webpage Designed by thaicadet.org // Last Updated. Saturday 30 July, 2011 2:12 PM