พลิกฟื้นประวัติศาสตร์...ที่สาวัตถี

ประวัติศาสตร์เมืองสาวัตถีถูกพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ให้เป็นดินแดนของพระพุทธศาสนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั่วโลก ด้วยการอุทิศชีวิต และแรงกายแรงใจอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยของอุบาสิกาบงกช สิทธิพล นับตั้งแต่นี้ไปชาวพุทธผู้จาริกแสวงบุญจากทั่วโลกจะมีสถานที่อันร่มรื่นในดินแดนของพระพุทธเจ้า เป็นสถานที่พัก และบำเพ็ญสมาธิภาวนา จะมีอาหารมังสวิรัติ และน้ำดื่มที่สะอาดไว้บริโภค บัดนี้พระพุทธศาสนาได้หยั่งรากลงสู่ประเทศอินเดีย ดินแดนแห่งพุทธภูมิอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว รอแต่วันที่จะแตกช่อเติบโตขึ้นเพื่อความสุขของมนุษยชาติ และเพื่อสันติภาพของโลก
  

ดร.ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์
ภาควิชามนุษยศาสตร์ 
คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ 
มหาวิทยาลัยมหิดล

สาวัตถี (Shravasti) ประเทศอินเดีย เป็นเมืองที่มีความสำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา เป็นที่ตั้งของวัดพระเชตวันมหาวิหาร อันเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้าในครั้งพุทธกาล เป็นเมืองที่อยู่อาศัยของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และบ้านขององคุลีมาล มีแม่น้ำไหลผ่านซึ่งครั้งหนึ่งแม่น้ำสายนี้เคยสัมพันธ์กับชีวิตของนางปฏาจาราผู้สูญเสียสามี บุตร และพ่อแม่ในคราวเดียวกันจนเสียสติ พระพุทธองค์ต้องทรงเข้ามาโปรดจนนางได้ดวงตาเห็นธรรม และพุทธประวัติอีกหลายตอนที่สัมพันธ์กับเมืองนี้

กาลเวลากว่า 2500 ปีได้ผ่านไป สาวัตถีกลายเป็นสถานที่รกร้าง ห่างไกลจากความเจริญ วัดพระเชตวันมหาวิหารกลายเป็นซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้ง ชาวพุทธเกือบจะไม่มีเหลืออยู่ในแถบนั้น ชาวอินเดียที่สาวัตถีกลายเป็นฮินดู และมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ในชนบทที่ห่างไกลของอินเดียชาวบ้านจะถ่ายปัสสาวะและอุจจาระตามพื้นดินเรี่ยราดไปหมด นี่คือสภาพของสาวัตถีก่อนที่ประวัติศาสตร์บทใหม่จะบังเกิดขึ้น

วันที่ 3 พฤษภาคม พุทธศักราช 2547 ตรงกับวันวิสาขบูชาของชาวพุทธในอินเดีย ณ เมืองสาวัตถี รัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย อุบาสิกาบงกช สิทธิพล หรือที่สานุศิษย์เรียกท่านว่า "แม่ในแดนธรรม" ได้ประกอบพิธีเททองหล่อยอดพระเกศของพระพุทธรูปปางประทานพร ที่มีชื่อว่า "พระพุทธมหามงคลชัย มหาเมตตาธรรม ประทานพร เพื่อสันติภาพโลก" ซึ่งต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าจะกลายเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินเดีย โดยมีขนาดหน้าตักกว้าง 9.99 เมตร สูง 15 เมตร ความสูงจากฐานถึงยอดพระมหาเกศ 33 เมตร ท่ามกลางแขกผู้เกียรติเป็นจำนวนมาก ทั้งจากอินเดีย ไทย ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ และอีกหลายประเทศ รวมทั้งท่านธรรมรัตนะภิกขุจากฝรั่งเศส และรองสมเด็จพระสังฆราช ประเทศลาว

นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของพระพุทธศาสนาในอินเดีย ที่พระสงฆ์จากทั่วประเทศเป็นจำนวนถึง 500 รูป แม้จะต่างนิกายกันแต่ก็มาร่วมชุมนุมในสถานที่เดียวกัน เพื่อเป็นสักขีพยานในความพยายามที่จะพลิกฟื้นประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาขึ้นมาใหม่ ณ เมืองสาวัตถี ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธทั่วโลก โดยมีอุบาสิกาบงกช สิทธิพล และสานุศิษย์เป็นผู้บุกเบิกมาเป็นเวลากว่า 8 ปี เพื่อพลิกแผ่นดินพุทธภูมิอันรกร้างแห้งแล้ง ให้กลายเป็นดินแดนอันร่มรื่นด้วยต้นไทรขนาดใหญ่ถึง 9,999 ต้น บนผืนดินกว่า 150 เอเคอร์ รอบๆ ซากปรักหักพังของวัดพระเชตวันมหาวิหาร

บนผืนดินอันกว้างใหญ่ที่ปูด้วยหญ้าอันเขียวขจีนั้น เป็นที่ตั้งของอาคารขนาดใหญ่ที่มีสถาปัตยกรรมแบบไทยอันวิจิตรประณีตถึง ๕ หลัง ภายในอาคารและพื้นปูด้วยหินอ่อนอย่างดี เพื่อประกาศถึงความรักความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ที่ชาวพุทธมีต่อพระศาสนาของตน และเพื่อเป็นที่รองรับของชาวพุทธผู้จาริกแสวงบุญจากทั่วโลก แม้จะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ก็มีชาวพุทธจากทุกสารทิศหลั่งไหลมาจาริกแสวงบุญอย่างไม่ขาดสาย ณ "แดนมหามงคลชัย" เมืองสาวัตถี จนถึงปัจจุบันนับได้กว่า 100 ประเทศแล้ว

คืนวันเพ็ญวิสาขบูชา พระจันทร์เต็มดวงเหนือท้องฟ้าเมืองสาวัตถี อุบาสิกาบงกช ได้นำคณะชาวพุทธกว่า 100 ชีวิต เข้าไปประกอบพิธีเวียนเทียนรอบซากอุโบสถวัดพระเชตวันมหาวิหาร จากนั้นท่าน และคณะได้พากันนั่งสมาธิท่ามกลางความเงียบสงัดและอากาศที่เย็นภายในวัด นับเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของผู้เขียนที่ได้เวียนเทียน และนั่งสมาธิในค่ำคืนวันวิสาขบูชา ที่วัดพระเชตวันมหาวิหาร สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งพระพุทธองค์เคยทรงประทับสั่งสอนพุทธบริษัท ๔ และประชาชนอยู่เป็นเวลากว่า 25 ปี หลังจากมีการสนทนาธรรมกันจนถึงเวลาเที่ยงคืนแล้วจึงได้แยกย้ายกันกลับที่พัก

วันที่ 4 พฤษภาคม พุทธศักราช 2547 เวลาเช้า ชาวบ้านรอบๆ วัดพระเชตวันมหาวิหารจำนวน 5,000 คน อันประกอบด้วยคนพิการ เด็ก คนแก่ แม่หม้ายที่ขาดผู้ดูแล และคนยากจน ได้พากันหลั่งไหลเข้าไปใน "แดนมหามงคลชัย" เพื่อรับบริจาค "มหาทาน" ที่อุบาสิกาบงกช และสานุศิษย์ได้จัดเตรียมไว้ให้ 5,000 ชุด แต่ละชุดประกอบด้วยเสื่อ 3 ผืน ถังโลหะสำหรับตักน้ำ แป้งโรตี ถั่ว น้ำตาล มันฝรั่ง หัวหอม และอื่นๆ โดยมีผู้สื่อข่าวอินเดียมาทำข่าว และเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยควบคุม และอำนวยความสะดวกเป็นจำนวนมาก (ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าองค์การกุศลอื่นได้แจกทานให้คนยากจนเป็นจำนวน 1,000 คน เกิดจลาจลเหยียบกันตายไปถึง 20 คน ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้มงวดกวดขันเป็นพิเศษ) นับเป็นการแสดงน้ำใจของชาวพุทธที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ผู้ยากไร้ โดยไม่เลือกชาติชั้นวรรณะหรือศาสนา ณ ใจกลางดินแดนของพระพุทธเจ้า

ประวัติศาสตร์เมืองสาวัตถีถูกพลิกฟื้นขึ้นมาใหม่ ให้เป็นดินแดนของพระพุทธศาสนา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธทั่วโลก ด้วยการอุทิศชีวิต และแรงกายแรงใจอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยของอุบาสิกาบงกช สิทธิพล นับตั้งแต่นี้ไปชาวพุทธผู้จาริกแสวงบุญจากทั่วโลกจะมีสถานที่อันร่มรื่นในดินแดนของพระพุทธเจ้า เป็นสถานที่พัก และบำเพ็ญสมาธิภาวนา จะมีอาหารมังสวิรัติ และน้ำดื่มที่สะอาดไว้บริโภค บัดนี้พระพุทธศาสนาได้หยั่งรากลงสู่ประเทศอินเดีย ดินแดนแห่งพุทธภูมิอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว รอแต่วันที่จะแตกช่อเติบโตขึ้นเพื่อความสุขของมนุษยชาติ และเพื่อสันติภาพของโลก

อุบาสิกาบงกช สิทธิพล ได้รับรางวัล "สตรีดีเด่นในพระพุทธศาสนาแห่งโลก" เนื่องในโอกาสวันสตรีสากลแห่งสหประชาชาติ ประจำปี พ.ศ. 2547 และรางวัลเกียรติคุณจากมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนาแห่งโลกในปีเดียวกัน
--
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน. ฉบับประจำวันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 ปีที่ ๒๗ ฉบับที่ 9564. คอลัมน์หน้าต่างความจริง, หน้า 6.

Photo : https://pixabay.com/photos/monk-buddha-religion-travel-temple-3224993/

THAI CADET

 

© 2547-2567. จัดทำเป็นวิทยาทาน โดย THAI CADET

Made with Pingendo Free  Pingendo logo