อันความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุนั้นพบได้ในเกือบทุกสังคมมนุษย์ แต่อยู่ที่คนจะยินดีรับเอาเฉพาะสิ่งที่เหมาะสมดีงามตามความต้องการของส่วนรวม และปรับปรุงให้เข้ากับวัฒนธรรมของตนอย่างเหมาะสม ไม่ตกอยู่ภายใต้ลัทธิบริโภคนิยม อีกทั้งยังสามารถรักษาวัฒนธรรมประจำชาติของตนไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากยอมรับเอาแต่ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาอย่างไม่หยุดยั้ง หรือไม่ตระหนักในในการถาโถมของเทคโนโลยี ย่อมทำให้เกิดความต้องการในสิ่งแปลกใหม่อันนำมาซึ่งความสะดวกสบายแห่งตนมากขึ้นเรื่อยไป ซึ่งอาจจะทำให้จิตใจหมกมุ่งขุ่นมัว เพียงเพราะต้องการให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัย และในที่สุดเราอาจสูญเสียวัฒนธรรมประจำชาติของตนไปทีละน้อย ทั้งนี้เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมลู่ไหลและยอมรับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ.
แต่เดิมสังคมไทยเป็นสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่หลังจากปี
๒๕๓๐ เป็นต้นมา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เข้ามามีอิทธิพลและมีบทบาทต่อวิธีการดำเนินชีวิตของคนไทย
โดยเฉพาะคนในสังคมเมือง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเหมือนการปฏิวัติ เนื่องจากเป็นปรากฏการณ์ที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว
สังเกตได้จากภายในระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ประเทศไทยมีวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
เท่าทันกับประเทศผู้ผลิตเทคโนโลยี ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้และความสามารถในการเข้าใจของคนไทย
ความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนับเป็นเครื่องมือในการปฏิวัติวัฒนธรรมไทย
จากวัฒนธรรมดั้งเดิมให้เข้ากับวัฒนธรรมยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยอารยธรรมตะวันตก
และจากการปฏิวัติวัฒนธรรมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้คนจำนวนมากของประเทศโดยเฉพาะคนในสังคมชนบทตามไม่ทันความเจริญทางเทคโนโลยี
ยังผลให้สภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมอย่างเห็นได้ชัดเจน
จนบางครั้งไม่สามารถสรุปได้ว่าวัฒนธรรมที่ดำเนินอยู่ในสังคมปัจจุบันนี้เป็นลักษณะของวัฒนธรรมไทยหรือไม่
เพราะดูเหมือนว่าเป็นวัฒนธรรมสากลที่ชาวโลกทั่วไปถือปฏิบัติกันเสียมากกว่า
กระนั้นก็ตาม คงปฏิเสธมิได้ว่าในปัจจุบันความเจริญทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีผลกระทบต่อสังคมไทยทั้งในทางบวกและทางลบมากมายเพียงใด
แต่สิ่งที่น่าพิจารณาคือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของไทยมิได้เกิดจากการค้นคว้าวิจัยและทดลองทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ
อีกทั้งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือที่นำมาซึ่งภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัยของประเทศเท่านั้น
เนื่องจากประเทศไทยใช้วิธีซื้อเทคโนโลยีเข้ามาแทนการพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในขั้นพื้นฐาน
ทำให้ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นประเทศที่ทันสมัยแต่ไม่พัฒนา เนื่องจากยังมิได้ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นแกนสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างมุ่งมั่น
และมีทิศทางที่แน่นอน ดังนั้น การที่ประเทศไทยจะพึ่งพาตนเองทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้
จำเป็นที่จะต้องสร้างจิตสำนึกของคนในชาติให้มีทักษะในการค้นคว้าหาความรู้
รู้จักคิด และรู้จักใช้เหตุผลในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้
ดังที่กล่าวอ้างมาแล้วนั้น ฉันคาดหวังว่าท่านผู้อ่านคงพอจะเห็นความสำคัญ
และผลกระทบของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีต่อสังคมไทย เพราะเท่าที่ประเทศไทยเป็นอยู่ในทุกวันนี้ส่วนหนึ่งนั้น
มาจากความเจริญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดังนั้น ในยุคสารสนเทศที่นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ให้แก่การสื่อสารหลากหลายรูปแบบ
อีกทั้งเป็นยุคแห่งข่าวสารที่พัฒนาเคียงคู่ไปกับยุคแห่งเทคโนโลยี จากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ฉันคิดว่าน่าที่จะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยมาใช้สร้างแนวจริยธรรมเพื่อการพัฒนาสังคมเดิมให้ดีขึ้น
เป็นที่น่าสังเกตว่ากระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์นั้นมีความใกล้เคียงกับการเรียนรู้ทางด้านศาสนา
ทั้งนี้เพราะวิทยาศาสตร์และศาสนานั้นเป็นกระบวนการทางความคิดที่เป็นระบบซึ่งดำเนินไปอย่าง
เป็นขั้นตอนเพื่อแสวงหาคำตอบให้กับสิ่งที่ไม่รู้ กล่าวคือ กระบวนการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์และศาสนาต่างเริ่มต้นที่ปัญหาจากตัวมนุษย์ผู้มีความสงสัยในสิ่งที่ตนเองไม่ทราบ
ดังนั้น คนจึงตั้งสมมติฐานถึงสาเหตุหรือที่มาแห่งปัญหานั้น หลังจากนั้นจึงลงมือเก็บรวมรวมข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริง
และนำข้อมูลที่ได้นั้นมาลำดับความรู้หรือวิเคราะห์เพื่อค้นหาความจริง และในที่สุดคนก็จะได้รับคำตอบในสิ่งที่ตนเองเคยงุนงงสงสัย
และเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อคนได้รับคำตอบไม่ว่าจะเป็นทั้งคำตอบที่ชัดเจนทั้งในแง่ของวิทยาศาสตร์และศาสนาแล้ว
คนย่อมต้องนำความรู้ที่ได้นั้นมาใช้ประโยชน์ และความรู้เหล่านั้นจะนำมาซึ่งการพัฒนาศักยภาพความเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น
เพราะกระบวนการแสวงหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์และศาสนานั้น เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนรู้จักใช้เหตุผล
มีความเชื่อมั่นในตนเองและคิดทุกอย่าง ๆ เป็นขั้นตอนและเป็นระบบมากขึ้น
ความรู้ทั้งปวงที่ได้จากบทสรุปทางจากการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ และการแสวงหาสัจจธรรมจากศาสนา
ทำให้มนุษย์รู้จักใช้เหตุผลแล้วเริ่มมองตนเอง และมองสิ่งต่าง ๆ อย่างรอบด้าน
ซึ่งจะทำให้มนุษย์เล็งเห็นข้อดีและข้อบกพร่องทางจริยธรรมทั้งของตนเองและของสังคม
ในที่สุดแล้วเมื่อมนุษย์มีประสบการณ์ในการคิดด้วยเหตุผลอันจะนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาทางจริยธรรมต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมรวมถึงการสรรสร้างจริยธรรมให้แก่สังคมของตนเองอีกด้วย
ในทรรศนะของฉัน ปัจจุบันที่วิทยาศาสต์และเทคโนโลยีได้เข้ามามีอิทธิพลต่อคนไทยมากขึ้น
ทำให้คนเมินเฉยต่อเรื่องจริยธรรม เพียงเพราะเข้าใจไปว่าเป็นเรื่องที่ตนเอง
“รู้” อยู่แล้ว จึงทำให้ความพยายามที่จะ “รู้” จางหายไป ประกอบกับระบบสังคมที่ซับซ้อนขึ้น
ทำให้คนมีลักษณะเป็นปัจเจกบุคคลที่ปรารถนาอิสระเสรี แต่ใช้สติปัญญาน้อย อันนำไปสู่การแสวงหาหนทางที่ง่าย
ๆ เช่น การนิยมวัตถุ หรือวัตถุนิยม
อันความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุนั้นพบได้ในเกือบทุกสังคมมนุษย์ แต่อยู่ที่คนจะยินดีรับเอาเฉพาะสิ่งที่เหมาะสมดีงามตามความต้องการของส่วนรวม
และปรับปรุงให้เข้ากับวัฒนธรรมของตนอย่างเหมาะสม ไม่ตกอยู่ภายใต้ลัทธิบริโภคนิยม
อีกทั้งยังสามารถรักษาวัฒนธรรมประจำชาติของตนไว้ได้ ในทางตรงกันข้าม ถ้าหากยอมรับเอาแต่ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุ
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาอย่างไม่หยุดยั้ง หรือไม่ตระหนักในในการถาโถมของเทคโนโลยี
ย่อมทำให้เกิดความต้องการในสิ่งแปลกใหม่อันนำมาซึ่งความสะดวกสบายแห่งตนมากขึ้นเรื่อยไป
ซึ่งอาจจะทำให้จิตใจหมกมุ่งขุ่นมัว เพียงเพราะต้องการให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยีที่ทันสมัย
และในที่สุดเราอาจสูญเสียวัฒนธรรมประจำชาติของตนไปทีละน้อย ทั้งนี้เพราะธรรมชาติของมนุษย์ย่อมลู่ไหลและยอมรับความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ.
***
บรรณานุกรม
กรมการศาสนา, วัฒนธรรม. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์กรมการศาสนา.
มหาวิทยาลัยรังสิต. เอกสารประกอบการสอน วิชาอารยธรรมไทย. ภาคเรียนที่ ๑ : ปีการศึกษา ๒๕๔๐.
เมธีธรรมาภรณ์, พระ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต). (๒๕๓๕). พุทธศาสนากับปรัชญา. (พิมพ์ครั้งที่ ๒). กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย.
ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๒๔). พจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยา อังกฤษ-ไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ: รุ่งศิลป์การพิมพ์.
เลขาธิการนายกรัฐมนตรี, สำนัก. สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์แห่งชาติ. (๒๕๓๙). คำถาม-คำตอบเกี่ยวกับพุทธ-ศาสนา เล่ม ๑ - ๒. กรุงเทพฯ.
สมิทธ์ สระอุบล. (๒๕๔๔). มานุษยวิทยาเบื้องต้น .(พิมพ์ครั้งที่ ๑). กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
เปิดให้บริการเว็บไซต์นับตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน 2547